top of page

โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s palsy)

  • โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s palsy)
  • Jan 14, 2017
  • 1 min read

โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s palsy) หมายถึง อาการที่เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีก ทำให้หลับตาได้ไม่สนิท มุมปากตก และขยับใบหน้าซีกนั้นไม่ได้ โดยเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7 ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่จะก่อให้เกิดความกังวล และ สูญเสียความมั่นใจในการเข้าสังคมของผู้ป่วย สาเหตุที่เรียกว่า Bell’s palsy ก็เพราะนายแพทย์ Charles Bell ศัลยแพทย์ชาวสก็อตเป็นผู้บรรยายอาการของโรคนี้ไว้เป็นท่านแรกตั้งแต่ศตวรรษที่ 19

+ สาเหตุการเกิดโรค >ประสาทใบหน้าติดเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเริม (Herpes sim plex) หรือ จากไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคอีสุกอีใส (Herpes zoster) หรือจากไวรัสในตระกูลไซโตเมกาโลไวรัส (Cytomegalovirus) ซึ่งเชื้อทุกชนิด มักก่ออาการเมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำ สาเหตุนี้เป็นสาเหตุที่แพทย์เชื่อกันมากที่สุดในสาเหตุต่างๆ >เป็นผลข้างเคียงของโรคบางโรค ที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน หรือ โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งพบโรคจากสาเหตุเหล่านี้ได้น้อย >จากร่างกายสร้างสารภูมิต้านทานจากการติดเชื้อไวรัสต่างๆ และภูมิต้านทานนี้ ส่งผลให้เกิดการการอักเสบบวมของประสาทใบหน้า

+ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก >คนท้อง > มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ > เป็นโรคเบาหวาน > ติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจนำมาก่อน เช่น โรคหวัด หรือ โรคไข้หวัดใหญ่ > พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ > ภาวะเครียด > ภายหลังได้รับอุบัติเหตุ > ภาวะร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำลง

+ อาการจากโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก เป็นอาการเกิดอย่างเฉียบพลัน เพียงข้ามคืน และเกือบ 100 % เกิดกับใบหน้าเพียงข้างเดียว ดังนั้นถ้าอาการหน้าเบี้ยวค่อยๆเกิดขึ้น ใช้เวลาเป็นหลายๆวัน หรือ สัปดาห์ และ/หรือ มีหน้าเบี้ยวทั้งสองข้าง แพทย์มักนึกถึงโรคอื่นๆก่อน เช่น โรคหลอดเลือดในสมองอักเสบ (โรคหลอดเลือดอักเสบ) ประสาทอักเสบจากโรคเบาหวาน หรือจากโรคเรื้อน อาการนอกเหนือจากที่กล่าวแล้ว เช่น > ความรุนแรงของอาการหน้าเบี้ยว อาจเพิ่มขึ้นภายใน 2-3 วัน > อาการหน้าเบี้ยว ที่พบบ่อย คือ ปากเบี้ยว โดยด้านที่เกิดโรคจะขยับริมฝีปากไม่ได้ ริมฝีปากตก > รอยย่นต่างๆตามปกติบนใบหน้าด้านเกิดโรคจะหายไป > กินอาหาร เคี้ยวอาหารลำบาก > เมื่อดื่มน้ำ จะมีน้ำไหลจากมุมปาก > อาจมีน้ำลายไหลด้านเกิดโรค > เมื่อแปรงฟัน ยาสีฟันจะไหลออกมา ควบคุมไม่ได้ > เลิกคิ้วด้านนั้นไม่ได้ > อาจพูดไม่ชัด > อาจรับรสชาติอาหารไม่ได้ หรือลดลง > อาจมีน้ำลายแห้ง > น้ำตาแห้ง ด้านเกิดโรค > เมื่อเป็นมาก การได้ยินของหูด้านนั้นอาจลดลง ถึงหูหนวกได้ > เมื่อเป็นมาก หนังตาด้านเกิดโรคทั้งหนังตาบน และหนังตาล่างจะปิดไม่ได้ ก่อให้ตาเปิดตลอดเวลา ตาจึงแห้งมากจากน้ำหล่อเลี้ยงตาระเหยตลอดเวลา ร่วมกับมีน้ำตาแห้งจากต่อมน้ำตาลดการทำงาน ก่ออาการระคายเคืองตากระจกตาจึงอาจเกิดแผลได้ > อาจมีอาการปวด เจ็บ รอบๆขากรรไกร และ/หรือบริเวณหู/หลังหู ด้านเกิดโรค และ/หรือ ปวดศีรษะ


 
 
 

Comments


Featured Posts
Check back soon
Once posts are published, you’ll see them here.
Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page